Archive for the 'คนริมทาง' Category

ขอทาง..ขอทาน

2007/04/02

ในวันนึง…ฉันต้องเดินผ่านอย่างน้อย 3 เส้นทางชื่อถนน…และต้องมีอย่างน้อยบนทางเดินที่ฉันเดินผ่าน..ฉันจะได้เจอกับคนขอทาน คนขอตังค์..

หลายๆสารคดีของช่องข่าวต่างๆ เคยนำเสนอขบวนการ..การทำธุรกิจขอทาน…นานมาแล้ว…หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกนำเสนอว่าได้จัดการกับปัญหาเหล่านี้แล้ว…จัดการแล้วหรือ…

ฉันรู้ว่าขอทานที่ฉันเจอ…อาจไม่ได้ยากจน ลำบากลำบนแสนเข็ญ จริงๆ ก็ได้ แต่ทุกครั้งที่ฉันเจอ..ฉันก็หยิบเอาเหรียญที่ฉันมีอยู่ยื่นให้เขาเหล่านั้นเสมอ..ฉันคิดว่าอย่างน้อย 1 ใน 10 ที่ฉันเจอต้องเป็นขอทานที่ไร้ทางออก ไร้ทางเลือก..ที่ต้องมาทำอย่างนี้.. การที่ฉันได้ให้ทำให้ฉันสบายใจและไม่ได้คิดอะไรอีกกับการให้ในแต่ละครั้ง…ว่าทำผิดหรือถูก..ฉันดีใจที่ได้ให้…

ในทุกวันฉันจะเจอขอทานคนเดิม..ฉันให้เงินเขาทุกครั้งไหม..ก็ไม่ได้ให้ทุกครั้งหรอกนะ ..ขึ้นอยู่กับว่าฉันมีตังค์หรือเปล่า…ถ้ามีฉันก็ยินดีให้ แต่ถ้าหากฉันมีไม่พอสำหรับวันนั้น..ฉันก็เก็บไว้ให้ตัวเองจ่ายค่ากับข้าวก่อน..พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน….

บางวันฉันเจอขอทานคนใหม่ๆ…เพราะฉันเดินนอกเส้นทาง…

ยิ่งช่วงนี้อากาศร้อนมากๆ …น่าเห็นใจ

เกือบทุกทางเท้า…ทุกทางเดิน…มีคนที่ถูกเรียกว่าขอทาน…ฉันเคยนับ..วันนึง ฉันเจอ คน ขอ ทาน  15 คน …เยอะกว่านักฟุตบอลที่ลงเล่นในทีมนึงเสียอีก …

หากได้เดินถนน..รับประกัน..คุณต้องได้เจอคนขอทานอย่างน้อย 1 คน  ไม่เชื่อ ถามสาวยาคูลท์ สิคะ ..กิ๊งกิ๊ง

เรียนสูงๆ แล้วต้องสูงแค่ไหน

2007/03/25

ได้คุยกับป้าขายน้ำข้างบ้าน…ว่าจะขายน้ำไปถึงเมื่อไหร่..ป้าบอกว่าอยากให้ลูกได้เรียนสูงๆ ก็จะขายไปกว่าลูกจะเรียนจบ

ถามป้าว่า แล้วตอนนี้ลูกป้าเรียนอะไรอยู่..ป้าบอกเรียนช่างกล.. ฉันเลยถามต่อว่า

“แล้วป้าไม่กลัวลูกจะเกเรหรือไปตีกับคนอื่นเหรอ”

ป้าตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกชายป้ามันไม่ชอบไปมีเรื่องกับใครหรอก..ลูกป้ามันชอบแต่งตัว”

อ้าว..เป็นงั้นไป..ฉันคิดในใจว่าลูกชายป้าต้องชอบแต่งหน้าด้วยแหงม

ฉันเชื่อว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่อยากให้ลูกตัวเองได้เรียนหนังสือในระดับสูงๆ เพราะเป็นค่านิยมที่มีมาตั้งแต่สมัยทวดของทวดของทวดของปู่ทวด ว่าคนที่เรียนหนังสือจะได้เป็นเจ้าคนนายคน  โบราณนานมาคนที่รู้หนังสือจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่รู้หนังสือ คนที่เรียนมาสูงกว่าจะได้เป็นเจ้านายของคนที่เรียนมาในระดับที่ด้อยกว่า

ตอนนี้โลกเปลี่ยน มุมมองเปลี่ยน แต่ค่านิยมของคนในสังคมก็ยังอยากให้ลูกได้เรียนสูงๆ

แต่คนเป็นลูกคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียนสูงๆ ก็ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ แต่พอพวกเขาเหล่านั้นมีลูกเป็นของตัวเอง ก็คิดอยากให้ลูกตัวเองเรียนสูงๆ เพราะตัวเองเรียนมาไม่สูง…อ้าว

การศึกษาแค่ไหนเรียกว่าสูง..จบมัธยม จบ ปวช จบปวส.  ปริญญาตรี  โท  หรือเอก  ไม่ต้องเดาก็ตอบได้ ก็ต้องจบปริญญาสิ ถึงจะเรียกว่าเรียนสูงๆ

การเรียนที่สูงขึ้นทำให้มุมมองและทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป แต่ใช่ว่าคนที่จบปริญญาแล้วจะคิดเป็นแล้วมีทัศนคติที่ดีเสมอไป…

สถาบันทุกสถาบันต้องการให้คนที่จบมาต้องคิดเป็น ภายใต้กรอบแห่งคุณธรรมและจริยธรรม

แต่พื้นฐานคนแตกต่างกัน ..เลวดีชั่วไม่เหมือนกัน การเรียนที่สูงขึ้นช่วยให้คิดดีๆ มากขึ้น แต่สิ่งที่เป็นพื้นฐานอาจทำให้บางคนนำความคิดดีๆ มาทำเป็นสิ่งชั่วๆ ไปซะ

การเรียนที่สูงขึ้น สอนให้คิดว่าเราจะสร้างคุณูปการต่อสังคม ต่อประเทศได้อย่างไร …ถ้าได้ดั่งนี้จึงจัดได้ว่าเรียนมาสูงจริง

บางคนที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อ มีเงิน ก็ไม่ได้จบสูงๆ แต่เพราะเขาใช้โอกาสที่เรียนได้ในระดับที่เขารับได้ แล้วสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นคุณูปการต่อสังคม ทำให้เขาสำเร็จ นั่นคือเอาหลักการของระดับการศึกษาที่สูงๆ มาใช้ในชีวิตจริงๆ …

สำคัญคือต้องเรียน  เรียนในโรงเรียน มหาลัย เพื่อสร้างระบบ สร้างระเบียบ สร้างกรอบให้กับตัวเอง เรียนในระดับที่สูงขึ้น กรอบก็มีมีความซับซ้อนขึ้นตามลำดับ ระบบมีความหลากหลายขึ้น    รู้จักระเบียบที่ลึกซึ้งมากขึ้น..การเรียนในสถานศึกษาจึงสำคัญฉะนี้ แต่หากขาดซึ่งการเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวแล้วเราก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น  …เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก..เราจึงต้องเรียนรู้คนอื่นให้มากๆ ..ที่สำคัญต้องเข้าใจตัวเองก่อน..แล้วจึงทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัว 

แล้วจะต้องเรียนสูงแค่ไหน.. ตอบให้ว่า

“ให้เรียนเท่ากับปีชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา”